วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กาดกองต้า ถนนคนเดินลำปาง

กาดกองต้า ถนนคนเดินลำปาง

กาดกองต้าหรือตลาดจีน ที่ชาวบ้านเรียกติดปาก เป็นย่านตลาดเก่าตั้งอยู่ขนานกับลำน้ำวัง ในซอยตลาดจีนริมน้ำ มีอาคารโบราณอายุเหยียบร้อยปี บนถนนตลาดเก่าตลอดทั้งสาย ชุมชนกาดกองต้าถือเป็นถนนสายเศรษฐกิจ ที่มีความเป็นมาที่เก่าแก่ และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ กาดกองต้า หมายถึงตลาดตรอกท่าน้ำ ในอดีตเคยเป็นตลาดที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องจากเมืองลำปางนั้นเคยเป็นศูนย์กลางทางการค้าของภาคเหนือย่านการค้าส่วนมากมักเกิดขึ้นริมฝั่งแม่น้ำสายใหญ่อย่างแม่น้ำวัง ทำให้เกิดชุมชนที่เข้ามาทำธุรกิจ เช่น อังกฤษ พม่า และจีน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้ามาทำการค้ามากที่สุด จนกลายเป็นชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่ ชาวบ้านจึง เรียกกาดกองต้าว่าตลาดจีน


ในอดีตย่านนี้มีผู้คนจากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ยาวนานกว่า 100 ปี อาคารบ้านเรือนบริเวณสองฝั่งแม่น้ำวังจึงมี รูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างยุโรป จีน และพม่า ดังนั้น ถนนตลาดเก่าเส้นนี้จึงเต็มไปด้วยบ้านเรือนสวย ๆ หลากสไตล์บ้านเรือนสิ่งก่อสร้าง มีทั้งเรือนแบบไทยภาคกลาง เรือนล้านนา เรือนพม่า ที่ดูจะโดดเด่นเห็นจะเป็น เรือน แบบจีน และเรือนขนมปังขิงแบบฝรั่งตะวันตก ทั้งนี้อาจเพราะในสมัยนั้นประเพณีราชนิยมแบบตะวันตก กำลังได้รับความนิยมสูงสุดในภาคกลาง ชาวตะวันตกเข้ามามีความสัมพันธ์กับสยามมากมาย จะด้วยบทบาทใด ก็ตามแต่รูปแบบสถาปัตยกรรมงามแปลกตา ที่นำมาเผยแพร่ก็เป็นที่ถูกใจของชาวสยาม นำมาประยุกต์ใช้สร้าง บ้านเรือนเป็นที่สวยงาม ระบาดไปเกือบทุกพื้นที่ของประเทศ รวมทั้งที่กาดกองต้า ก็มีเรือนฝรั่งผสมจีนแบบนี้ อยู่หลายแห่ง ย่านการค้ากาดกองต้า คึกคักรุ่งเรืองจนถึงยุคสมัยที่การคมนาคมขนส่งทางน้ำหมด ความสำคัญ ลงไป เพราะมีการคมนาคมทางบกทั้งทางรถไฟและทางรถยนต์เข้ามาแทนที่ กาดกองต้า ก็กลายเป็นย่านเก่าที่ เงียบเหงาซบเซาลงไปตามกาลเวลา




 จนกระทั่งด้วยสำนึกรักบ้านเกิดของคนภายในชุมชน ได้ตกแต่งบูรณะฟื้นฟูให้อาคารเก่ามีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง และ กลายเป็นถนนสายวัฒนธรรมที่สวยงามมีเอกลักษณ์ ยิ่งเมื่อได้มีการปลุกฟื้นชีวิตชีวาด้วยการจัดถนนคนเดิน ในช่วงคืนทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17.00 น. - 22.00 น. ก็ยิ่งทำให้ผู้มาเดินเที่ยวชมและ พ่อค้าแม่ค้าที่ นำสินค้า มาวางขายต่างหวนระลึกถึงบรรยากาศเก่าๆในอดีตเมื่อร้อยกว่าปที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดีเป็น มรดกล้ำค่า และแม่เหล็กดึงดูด นักท่องเที่ยว ผู้โหยหาอดีตอันคลาสสิก การเดินชมกาดกองต้าในวันนี้ ต้องถือว่าเป็นรายการ ท่องเที่ยวเมืองลำปางที่ต้องไม่พลาดชม และมีบรรยากาศหลากหลายให้เลือกสัมผัส
 บ้านเรือนสวย ๆ หลากสไตล์






การชมกาดกองต้าจะให้ครบถ้วน ต้องตั้งต้นตั้งแต่หัวถนน บริเวณเชิงสะพานรัษฏา มาเรื่อยๆ หิวหรือเหนื่อย ก็พัก เติมพลังหย่อนใจได้ที่ร้านอาหาร ร้านกาแฟ น่ารักริมทาง หรือต้องการสัมผัสเข้าถึงก็เลือกพักได้ ตาม Guest House หลากสไตล์ หลายระดับราคา ที่มีให้บริการอยู่หลายแห่ง จะเลือกเดินชม ปั่นจักรยาน หรือเที่ยวแบบ เท่ห์ๆกับรถม้าลำปาง ล้วนแต่สามารถทำได้


ถนนคนเดินยามเย็น 



ร้านขายของที่ระลึกทั้งโปสการ์ดและเสื้อ 





ของเก๋ๆมีมากมาย 





ร้านขายขนมจีนชื่อดัง






ร้านก๋วยเตี๋๊่ยวญวณคนเยอะมาก





น้ำผลไม้ดับกระหายแก้วละ 10 บาท เท่านั้น





รายละเอียดเพิ่มเติม

-  หากต้องการชื่นชมกับสถาปัตยกรรมบ้านเรือนและตึกเก่าแก่ สามารถชมได้ทุกวัน ตั้งแต่วันจันทร์-อาทิตย์ 
- ตลาดถนนคนเดิน ต้องเดินในวัน เสาร์-อาทิตย์ 17.00 – 22.00 น.

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ทำเค้กง่ายๆด้วยฝีมือเรา

ทำเค้กง่ายๆด้วยฝีมือเรา
อุปกรณ์
แป้งสาลีหรือแป้งเค้ก 2 ถ้วยตวง
น้ำตาล 4 ช้อนโต๊ะ
ผงฟู 2 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
นมสด 2 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ 2 ฟอง
เนยละลาย 1 ช้อนโต



วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ

  ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลแม่อูคอ อำเภอขุนยวม ตามเส้นทางหมายเลข 108 (แม่ฮ่องสอน-ขุนยวม) ก่อนถึงตัวอำเภอประมาณ 1 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายตามทางหลวงสาย 1263 เข้าสู่ทุ่งบัวตองอีก 26 กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางมีพื้นที่ครอบคลุมเป็นเขากว้างประมาณ 1 พันไร่ อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการพัฒนาป่าไม้ที่สูง หน่วยที่ 5 กองอนุรักษ์ต้นน้ำ ดอกบัวตองที่นี่เมื่อบานพร้อมๆ กันในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม จะเหลืองอร่ามปกคลุมทั่วทั้งภูเขา มีความสวยงามมาก
นอกจากนี้ ยังมีบริการให้เช่าเต็นท์ค้างแรมบนดอย ซึ่งจะมีสถานที่สำหรับตั้งเต็นท์ได้ประมาณ 100 หลัง ผู้สนใจสามารถติดต่อได้โดยตรง บริเวณหน่วยทำการบนทุ่งบัวตอง หรือหากต้องการจองล่วงหน้าให้ติดต่อกับทางอำเภอขุนยวมโดยตรง และบริเวณด้านหลังจุดชมวิว ยังมีร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อัญมณีประจําราศี

    อัญมณีต่างชนิดกันก็มีคุณสมบัติ ความงาม และคุณค่าที่ต่างกัน เหมือนกับบุคคลทั้ง 12 ราศีในทางโหราศาสตร์ ที่มีความเป็นธรรมชาติที่ไม่เหมือนกัน ผู้มีความรู้ในสมัยโบราณจึงพยายามจับคู่กันระหว่างราศีทั้ง 12 กับอัญมณีทั้งหลาย โดยยึดหลักของความสอดคล้องกันของคุณลักษณะของราศีกับคุณสมบัติของหินมีค่า เช่น สีของอัญมณีกับสีประจำราศี ความหมายของอัญมณีกับบุคลิกลักษณะของบุคคลในราศี หรือแม้แต่ชื่อของอัญมณีที่สอดคล้องกับราศี เป็นต้น จนกลายมาเป็น อัญมณีประจำราศี (Zodiac gemstones or Astral Stones)
        อย่างไรก็ตาม ในการจัดหมวดหมู่ของอัญมณีกับราศีเกิดนั้น ยังคงไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอนและถาวร ทำให้ในตำราหลายเล่ม หรือในเว็บไซต์ต่างๆมีตารางแสดงอัญมณีประจำราศีเกิดที่ไม่เหมือนกันทั้งหมด เพียงแต่จะมีข้อแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย และในราศีหนึ่งๆ จะมีอัญมณีประจำราศีมากกว่าหนึ่งชนิดก็ได้ หรือ อัญมณีชนิดหนึ่ง เป็นอัญมณีของราศีเกิดมากกว่าหนึ่งราศีก็ได้ นอกจากนี้นับแต่สมัยโบราณมาถึงปัจจุบัน อัญมณีประจำราศีเกิดในบางราศีก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปตามความรู้และค่านิยมในแต่ละยุคสมัย ดังนั้นเรื่องของอัญมณีกับราศีเกิดนี้จึงยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนตายตัว
        ในยุคปัจจุบัน ได้มีการจัดเรียงอัญมณีประจำราศีเกิดเอาไว้ ที่เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายเป็นดังนี้
1.ราศีเมษ (21 มีนาคม-20 เมษายน)         อัญมณีสำหรับชาวราศีเมษคือ เพชร คำว่า Diamond ที่แปลว่าเพชรนั้น มาจากภาษากรีก คำว่าAdamas มีความหมายว่า ไม่มีใครสามารถทำลายได้ ในภาษาฝรั่งเศส คำว่า Diamant ก็แปลว่า ไม่มีวันแพ้ เพชรจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะและความสำเร็จและกระตุ้นให้เกิดความกล้าหาญได้ ซึ่งดูแล้วเหมาะกับนักริเริ่ม นักบุกเบิกที่แข็งแกร่งอย่างชาวเมษ
        อัญมณีที่มีสีขาวใสอย่างเพทายขาวก็จัดเป็นอัญมณีประจำราศีนี้เช่นกัน เนื่องจากสีขาวใสเทียบได้กับทารกเกิดใหม่ที่ยังบริสุทธิ์อยู่นั่นเอง
บลัดสโตน(Bloodstone)หรือหินสีเลือด ก็ถูกจัดให้เป็นอัญมณีของราศีเมษ เนื่องจากสีประจำราศีนี้คือสีแดง

2.ราศีพฤษภ (21 เมษายน-20 พฤษภาคม)        พลอยสีเขียวคืออัญมณีของคนราศีพฤษภ ได้แก่ มรกต ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง ความยั่งยืนเป็นอมตะ ส่วนในประเทศจีน หยก ทำให้มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ค้าขายรุ่งเรื่อง นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าพลอยสีเขียวทั้งหลายจะทำให้เกิดศรัทธาที่มั่นคง และความกล้าหาญ
        โมราสีเขียว(Green Agate)เป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์สิน ความมั่งคั่งร่ำรวย
        (ความหมายของอัญมณีสีเขียวเหล่านี้ มีความหมายไปในทำนองเดียวกับดาวศุกร์ ซึ่งเป็นเกษตรของราศีพฤษภ และสีเขียวยังเป็นสีของการเกษตรกรรมและสีของดาวศุกร์อีกด้วย)

3.ราศีมิถุน (21 พฤษภาคม-20 มิถุนายน)        สำหรับชาวราศีมิถุนผู้แคล่วคล่องว่องไว ชอบพูดคุยเจรจา และมีชีวิตชีวา มีความเป็นหนุ่มสาวอยู่ในตัว “เจ้าสามสี”หรือAlexandrite คืออัญมณีหลักของราศีนี้ เป็นพลอยที่สามารถเปลี่ยนสีได้ตามแสงที่ตกกระทบ เชื่อว่าสามารถกระตุ้นพลังงานและเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้สวมใส่ นอกจากนี้อัญมณีสีขาวซีด หรือขาวขุ่น ก็เป็นอัญมณีประจำราศีมิถุนเช่นกัน (สีประจำราศีนี้คือ ซีดๆจางๆ) ได้แก่ ไข่มุกและมุกดาหาร (Moonstone) ซึ่งแสดงถึงความบริสุทธิ์ ความสดชื่น และอายุที่ยืนยาว
        โมรา(Agate) ก็ถูกจัดเป็นอัญมณีของราศีนี้ด้วย อาจเป็นเพราะว่าสีของดาวพุธ เกษตรของราศี คือสีที่เป็นลายๆ เป็นแถบๆ หรือหลากสี ซึ่งโมราเป็นพลอยที่มีสีหลายสีมาก

4.ราศีกรกฎ (21 มิถุนายน-20 กรกฎาคม)        ในสมัยก่อนไข่มุก(Pearl) และมุกดาหาร (Moonstone) ถือเป็นอัญมณีของชาวกรกฎ สีขาวเป็นสีประจำราศีนี้ และมีดวงจันทร์เป็นเกษตร สีของดวงจันทร์ในทางโหราศาสตร์คือสีขาวและสีเงิน พลอยทั้งสองชนิดนี้ก็มีสีขาวนวล แถมยังมองดูคล้ายพระจันทร์เต็มดวงอีกด้วย
        ไข่มุก เป็นแร่รัตนชาติที่ช่วยเสริมสง่าราศีให้กับสตรี เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนโยนและการปกป้อง และก่อให้เกิดความนุ่มนวลอ่อนหวาน
มุกดาหาร โดยตัวมันเองแล้วมีรูปร่างลักษณะที่เหมือนดวงจันทร์มาก เพราะเป็นหินสีขาวใสถึงขุ่น ผิวเรียบเนียน มันวาว แสงสะท้อนจะดูนวลตา เชื่อว่าเป็นหินที่ช่วยให้รับความรู้สึกต่างๆได้ดีขึ้นโดยเฉพาะความรัก ความอ่อนโยน ความสงบ
        ในยุคปัจจุบันทับทิม กลายมาเป็นอัญมณีประจำราศีกรกฏ เชื่อกันว่าทับทิมทำให้เกิดสติปัญญา ความแข็งแรงและความมั่นคงทางอารมณ์ เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก การกล้าแสดงออก
        ในบางครั้ง สปิเนล(Spinel) ก็ถูกนำมาใช้แทนทับทิมได้เช่นกัน โดยเฉพาะสปิเนลสีแดง ซึ่งหากดูเผินๆแล้วจะมีความคล้ายคลึงกับทับทิมมาก จะต่างตรงที่สปิเนลมีความวาว ความแข็ง และน้ำหนักน้อยกว่า แต่ราคาก็ต่ำกว่าเช่นกัน

5.ราศีสิงห์ (21 กรกฎาคม-20 สิงหาคม)        เพอริโดต์ (Peridot) อัญมณีสีเขียวใสคืออัญมณีประจำราศีสิงห์ซึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นเกษตร ว่ากันว่า เพอริโดต์นี้ มีพลังแห่งดวงอาทิตย์แฝงอยู่ จึงสามารถขับไล่วิญญาณของภูตผีปีศาจได้ ทำให้ผู้สวมใส่มีอำนาจบารมียิ่งใหญ่ จึงเหมาะกับชาวราศีสิงห์ อย่างไรก็ดี ชาวสิงห์คงต้องดูแลพลอยชนิดนี้ อย่างทะนุถนอม และระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเพอริโดต์ เป็นพลอยที่มีความแข็งไม่มาก (6.5-7) จึงเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย แต่ถ้าหากต้องการอัญมณีที่มีความแข็งมากกว่านี้ ไพฑูรย์ตาแมว (Cat’s eye) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งมีความแข็งถึง 8.5
        อเวนเจอรีน(Aventurine) พลอยสีเขียวขุ่นเนื้อละเอียด เป็นของชาวราศีสิงห์เช่นกัน เชื่อกันว่าเป็นหินที่สามารถทำให้ผู้สวมใส่เกิดโชคลาภจากการเสี่ยงดวงหรือการแข่งขัน หรือแม้แต่การออกเดทกับคนรัก จึงเหมาะกับคนราศีนี้ที่ชอบการแข่งขันและไม่ต้องการเป็นผู้แพ้ นอกจากนี้ อเวนเจอรีนยังสามารถปลุกเร้าจิตใจให้เกิดความร่าเริง เพิ่มพลังจินตนาการและการสร้างสรรค์
        ทับทิม ก็ถือเป็นอัญมณีของราศีนี้ได้เช่นกัน ในสมัยโบราณทับทิมถือเป็นเครื่องรางเพิ่มความกล้าหาญและความสง่างาม เป็นสัญลักษณ์ของความรักและการกล้าแสดงออก

6.ราศีกันย์ (21 สิงหาคม-22 กันยายน)        อัญมณีของราศีนี้ คือ ไพลิน (Sapphire) แต่เดิมถูกเรียกว่า นิลกาฬ แต่สมัยนี้เรียกว่า ไพลิน ตามชื่อของจังหวัดในประเทศกัมพูชาที่เป็นแหล่งของพลอยชนิดนี้ ไพลินเป็นอัญมณีที่สื่อถึงความเมตตากรุณา และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จึงเหมาะกับชาวราศีกันย์ที่เป็นนักบริการ
        เพทาย (Zircon) และ โมรา (Agate) ก็เป็นพลอยประจำราศีนี้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากพลอยทั้งสองอย่างนี้มีหลายสีมาก ซึ่งเหมือนกับสีของดาวเกษตร คือดาวพุธที่มีสีของดาวคือหลากสีสัน หรือสีที่เป็นลายต่างๆ
        เรด แจสเปอร์ (Red Jasper) ถือว่าเป็นอัญมณีที่สื่อถึงลักษณะของชาวราศีกันย์ได้ชัดเจนมาก เพราะเป็นอัญมณีที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัย และการดิ้นรนอยู่รอด ทำให้ผู้สวมใส่มีหลักการในการดำรงงชีวิตอย่างเรียบง่าย

7.ราศีตุลย์ (23 กันยายน-20 ตุลาคม)        ชาวราศีตุลย์เป็นคนรักสงบ ประนีประนอม และปรารถนาความสุข รักสวยรักงาม จึงเหมาะกับ โอปอล (Opal) อัญมณีหลากสีสันที่แต่ละเม็ดจะมีความงามไม่ซ้ำกัน โอปอลนั้น หมายถึง ความสุขและความสมหวัง สามารถนำความรักและความสุขมาให้กับผู้สวมใส่ โดยเฉพาะโอปอลสีเข้ม หรือ แบล็กโอปอล
        ไพลิน จัดเป็นอัญมณีของราศีตุลย์เช่นกัน เป็นหินที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ของชีวิตรัก เป็นอัญมณีแห่งสัจธรรมและความดีงาม
        เลพิโดไลท์(Lepidolite) หินสีชมพูออกม่วง เป็นหินสำหรับผู้ที่ปัญหาด้านความรัก อกหักรักคุด ช่วยให้เปิดกว้างรับสิ่งดีๆที่อยู่รอบตัวเข้าสู่จิตใจ

8.ราศีพิจิก (21 ตุลาคม-20 พฤศจิกายน)        ชาวพิจิก เป็นผู้มีความห้าวหาญ เด็ดเดี่ยว มุ่งมั่นสู่เป้าหมายของตน แต่มุทะลุดุดัน จึงคู่กับ บุษราคัม และ โทแพซ (Topaz) เพราะเป็นอัญมณีที่สื่อถึง ความรอบคอบ การปกป้องจากความทุกข์เข็ญ ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าและความกล้าหาญ และช่วยรักษาความสมดุลแห่งอารมณ์ทางเพศได้ด้วย
        ซิทริน (Citrine) หรือคริสตัลเหลือง มีสีเหลืองทอง เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ให้กำลังใจและความเชื่อมั่น ช่วยในการตัดสินใจเมื่อต้องเสี่ยงหรือต้องเลือก ยูนาไคท์ (Unakite) หินสีเขียวมีลายจุดสีส้มกระจายอยู่ทั่ว เชื่อว่าช่วยให้ผู้สวมใส่ยึดมั่นในเป้าหมายและความปรารถนาของตน และมั่นใจในการก้าวไปสู่เป้าหมายนั้น

9.ราศีธนู (21 พฤศจิกายน-20 ธันวาคม)        เทอร์ควอยส์ (Turqouise) หินสีเขียวน้ำทะเล และ เพทายสีฟ้า ถูกจัดเป็นอัญมณีของราศีนี้ พลอยทั้งสองชนิดนี้ หมายถึง ความร่ำรวยและความมั่งคั่ง ซึ่งมีความหมายเดียวกับดาวพฤหัสที่เป็นดาวเกษตรของราศีธนู เทอร์ควอยส์ยังมีคุณสมบัติด้านความรักความเมตตา และช่วยเสริมสร้างสติปัญญา
       
ลาพีซ ลาซูรี(Lapis Lazuri) แซฟไฟร์สีน้ำเงินเข้มที่มีละอองสีทองปนอยู่ในเนื้อหิน ถือเป็นหินแห่งความรู้ เสริมสร้างพลังทางปัญญา ช่วยเปิดตาและเปิดใจให้พบกับสัจธรรมความเป็นจริง
10.ราศีมกร (21 ธันวาคม-20 มกราคม)        ชาวราศีมกรเป็นคนจริงจัง มีระเบียบแบบแผน แต่มักจะวิตกกังวล จึงส่งผลเสียต่อสุขภาพ และมักจะมีอาการเจ็บป่วยแบบผู้สูงอายุ เช่น ปวดข้อ ปวดเข่า ปวดหลัง เป็นต้น อัญมณีที่เชื่อกันว่าจะช่วยให้ผู้สวมใส่มีสุขภาพที่ดีจึงเป็นอัญมณีประจำราศีนี้ นั่นคือ โกเมน(Garnet)
        มาลาไคท์(Malachite) หินสีเขียวสดทึบแสง มีลายริ้วๆ เชื่อว่าช่วยขจัดสิ่งชั่วร้าย ปกป้องอันตรายจากการเดินทาง และยังสามารถป้องกันการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับฟัน กระดูก ไขข้อ อาการอักเสบและติดเชื้อได้ด้วย

11.ราศีกุมภ์ (21 มกราคม-18 กุมภาพันธ์)        คนราศีนี้รักอิสระ รักพวกพ้อง ชอบคิดและทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน แต่ก็ยังมีเพื่อนเยอะ อาเมทีสต์(Amethyst) พลอยสีม่วง คืออัญมณีของชาวกุมภ์ บ่งบอกถึงหัวใจที่เป็นอิสระ ความจริงใจและความซื่อสัตย์ สีม่วงของอาเมทิสต์นี้ยังใกล้เคียงกับสีประจำราศีกุมภ์อีกด้วย (สีไลแลค หรือม่วงออกแดง)
        ฟลูออไรต์(Fluorite) หินหิ่งห้อย บางก้อนเรืองแสงได้ มีหลายสี เชื่อว่า เป็นหินที่มีพลังพิเศษ สามารถทำให้เห็นภาพนิมิต หรือ ภาพในอนาคตได้ เหมือนช่วยให้เกิดญาณรับรู้อนาคต และยังมีคุณสมบัติลดอาการปวดกระดูก ช่วงให้ฟันแข็งแรง

12.ราศีมีน (19 กุมภาพันธ์-20 มีนาคม)        อความารีน (Aquamarine) พลอยที่มีตั้งแต่สีเขียวน้ำทะลจนถึงสีฟ้าเข้ม เป็นอัญมณีที่นำความสมบูรณ์และยิ่งใหญ่ดั่งท้องทะเลมาให้ ช่วยให้จิตใจสงบ อ่อนโยน ถือเป็นอัญมณีนำโชคของชาวเรือและชาวทะเล ช่วยบรรเทาอาการเมาคลื่นและอุบัติภัยได้ (จะเห็นว่าทั้งชื่อและคุณสมบัติของอความารีนเกี่ยวข้องกับดาวเนปจูน ดาวเกษตรของราศีมีน)
        อาซูไรต์(Azurite) หินสีน้ำเงินเข้ม เป็นแร่โคบอลต์ มักใช้ในการนั่งสมาธิ ช่วยปลุกพลังแห่งจิตวิญญาณ การรับรู้และสัมผัสพิเศษ
        ราศีมีนเป็นราศีที่มีอัญมณีประจำราศีอยู่หลายชนิดแต่ละแหล่งข้อมูลก็กำหนดแตกต่างกันออกไป นอกจากอความารีนและอาซูไรต์แล้วยังมี บลัดสโตน(Bloodstone) อาเมทิสต์ (Amethyst) ที่มีสีม่วง สีของราศีมีน หยก (Jade) มุกดาหาร (Moonstone)

วันคริสต์มาส

      วันคริสต์มาส ( Christmas Day; หรือเรียกว่า Christ's mass, Nativity, Yuletide, Noel, Winter Pascha, Xmas) เป็นเทศกาลประจำปี ซึ่งในศาสนาคริสต์ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู คริสต์มาสตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี แต่ก็ไม่เป็นที่เชื่อกันว่าเป็นวันประสูติของพระองค์จริง สำหรับสาเหตุที่เลือกวันดังกล่าวแต่เดิมมีอยู่หลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นเพราะว่า วันนี้เป็นเวลาเก้าเดือนพอดีหลังจากนางมารีย์รับการประสูติของพระเยซู ตรงกับเทศกาลบูชาสุริยเทพของโรมันโบราณหรือไม่ก็ตรงกับเหมายันในซีกโลกเหนือ ในทางคริสต์ศาสนา คริสต์มาสเป็นส่วนหนึ่งของเทศาลคริสต์มาส ซึ่งเป็นวันหยุดยาว 12 วัน
ถึงแม้ว่าแต่เดิมคริสต์มาสจะเป็นเทศกาลที่เฉลิมฉลองโดยคริสเตียน แต่ผู้ที่มิได้นับถือศาสนาคริสต์จำนวนมากก็ได้จัดงานเฉลิมฉลองคริสต์มาสอย่างกว้างขวาง[วัฒนธรรมสมัยใหม่ของคริสต์มาส รวมไปถึง การให้ของขวัญ เพลงคริสต์มาส การแลกเปลี่ยนการ์ดคริสต์มาส การตกแต่งโบสถ์คริสต์ การรับประทานอาหารมื้อพิเศษ และการตกแต่งบรรยากาศ เช่น ต้นคริสต์มาส มิสเซิลโท ฮอลลี่ เป็นต้น และยังมีตำนานอันเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายเกี่ยวกับซานตาคลอส (หรือ ฟาเธอร์คริสต์มาส) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการให้ของขวัญแก่เด็ก ๆ
เนื่องจากการให้ของขวัญและผลกระทบจากเทศกาลคริสต์มาสได้ทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างมาก ทั้งในกลุ่มคริสเตียนและผู้ที่ไม่ใช่คริสเตียน วันดังกล่าวจะกลายเป็นเหตุการณ์สำคัญและช่วงเวลาของสินค้าลดราคาสำหรับผู้ค้าปลีกและธุรกิจ ผลกระทบทางเศรษฐกิจของคริสต์มาสเป็นปัจจัยซึ่งเติบโตขึ้นอย่างคงที่ตลอดเวลาหลายศตวรรษที่ผ่านมาในหลายภูมิภาคของโลก

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

หอไอเฟล

หอไอเฟล เป็นสถาปัตยกรรมอีกชิ้นหนึ่งที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความแปลกใหม่และทันสมัย  มีความงดงามและเป็นศิลปกรรมที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์
หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรำลึกถึงการปฏิวัติประชาชนที่มีอายุครบรอบ 100 ปี ใช้งบประมาณในการก่อสร้างถึง 71 ล้านฟรังค์ ผู้ที่ออกแบบหอไอเฟลคือ นาย กุสตาพ เอฟเฟล
หอไอเฟลแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากโครงเหล็กขนานใหญ่มีความสูงถึง 300 เมตร ใช้เวลาก่อสร้างนาน 2 ปี  สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2432 จัดเป็นหอที่มีการออกแบบการก่อสร้างที่มีความผิดแผกแตกต่างจากการก่อสร้างในอดีตเป็นอย่างมาก ชั้นบนของหอไอเฟลจะมีอาคาร 3 ชั้น  ไว้คอยบริการอาหารและของที่ระลึกให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมทัศนียภาพที่งดงามจากกรุงปารีสได้จากชั้นบนสุดของอาคารที่เปิดโล่งเอาไว้
ปัจจุบัน หอไอเฟล เป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่ทำให้ทุกคนนึกถึงประเทศฝรั่งเศสเพราะสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่นั้น  เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความแปลกใหม่และไม่มีใครเหมือน แม้ว่าในปัจจุบันจะมีสิ่งก่อสร้างใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย  แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่สามารถจะเข้ามาทดแทน หอไอเฟล ได้เลย
 

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทะเลหมอก ดอยกดาดผี

ดอยกาดผี แหล่งชมทะเลหมอกใหม่ล่าสุด สวยที่สุดและมหัศจรรย์ที่สุดของจังหวัดเชียงราย ซ่อนความงามอยู่ในเทือกเขาดอยวาวี อำเภอแม่สรวย ใช้เวลาเดินทางจาก
เชียงรายใช้เวลาราว 3 ชั่วโมงโดยรถยนต์ มุมมองที่สวยที่สุดอยู่ทางทิศตะวันออก เป็นมุมพานอรามา เห็นเทือกเขาสลับซับซ้อนสวยงาม และยังมีมุมอื่นๆ ที่สามารถชมได้รอบตัว
ใกล้กับดอยนี้ มีที่เที่ยวคือดอยวาวีแหล่งปลูกชา และดอยช้างซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟขึ้นชื่อของเมืองไทย เมื่อมาที่นี่ยังสามารถชมดอกนางพญาเสือโคร่ง (ซากุระเมืองไทย) บานได้อีกด้วย

หน้าหนาวนี้ควรไปเที่ยวสักครั้งนะค่ะ


อ้างอิง : ททท.สำนักงานเชียงราย โทร 053-717-433, 053-744-674-5